
หลักสูตรการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์และนวัตกรรมการจัดการของเสียอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน รุ่น2
Module 1: การลดปริมาณของเสียอุตสาหกรรมต้นทางและการคัดแยก
การลดปริมาณของเสียอุตสาหกรรมต้นทางและการคัดแยกเป็นวิธีการสำคัญในการจัดการของเสียอุตสาหกรรม ได้แก่ การลดปริมาณของเสียต้นทาง (Source Reduction) เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดของเสียขึ้นตั้งแต่ต้นทางกระบวนการผลิต วิธีการ เช่น การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีสะอาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เกิดของเสียน้อย เป็นต้น ช่วยลดปริมาณของเสียได้อย่างแท้จริง ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดการของเสีย การคัดแยกของเสีย (Waste Segregation) การแยกของเสียประเภทต่างๆ ออกจากกันตั้งแต่แหล่งกำเนิด เช่น แยกของเสียอันตราย ของเสียไม่อันตราย ของเสียรีไซเคิล เป็นต้น ทำให้สามารถจัดการของเสียแต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสม ลดการปนเปื้อน ใช้ภาชนะรองรับแยกประเภท มีการทำเครื่องหมาย/สัญลักษณ์ประจำประเภท เป็นพื้นฐานสำคัญของการนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ การดำเนินการทั้งสองวิธีนี้ร่วมกัน จะช่วยลดปริมาณของเสียอุตสาหกรรม ลดต้นทุนการจัดการ และส่งเสริมการนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ผู้อบรมจะได้รับ (Output)
การจัดการของเสียอุตสาหกรรมเพื่อลดปริมาณของเสียจากสถานประกอบการ โดยผู้ศึกษาต้องจัดทำโครงการลดการเกิดของเสียได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ หรือเสนอแผนงานการปรับกระบวนการผลิตเพื่อลดปริมาณของเสีย สามารถวิเคราะห์และออกแบบการจัดการของเสียอุตสาหกรรม และสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมในการลดปริมาณของเสียอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนได้
หัวข้อ | ทฤษฎี (ชั่วโมง) | ปฏิบัติ (ชั่วโมง) | วันและสถานที่อบรม |
---|---|---|---|
1. การเตรียมความพร้อมในการศึกษาและการประเมินตนเอง:ค้นหา/คัดเลือกของเสียอุตสาหกรรม | 5 | 12 | วันที่ 20 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน 2568 สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรม Microsoft Team และ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
2. แนวทางการจัดการของเสียรูปแบบต่างๆ | 5 | 8 | |
3. แนวคิดเกี่ยวกับความยั่งยืน | 5 | 8 |
Module 2: เทคโนโลยีเพื่อการจัดการของเสียอุตสาหกรรม
เทคโนโลยีสำหรับการจัดการของเสียอุตสาหกรรมมีหลายประเภท ได้แก่ เทคโนโลยีการกำจัดของเสีย เช่น การเผาไหม้ที่อุณหภูมิสูง การหมักทำปุ๋ย การบำบัดทางชีวภาพ เป็นต้น เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสีย เช่น ระบบบำบัดน้ำเสียเคมีภายฟิสิกส์ ระบบบำบัดน้ำเสียชีวภาพ เป็นต้น เทคโนโลยีการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycling) เช่น การคัดแยกขยะ การรีไซเคิลพลาสติก แก้ว โลหะ เป็นต้น เทคโนโลยีการลดของเสีย เช่น หลักการผลิตสะอาด การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เทคโนโลยีการติดตามและตรวจสอบ เช่น ระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้ง อากาศเสีย ระบบตรวจสอบและควบคุมแบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคุมและจัดการของเสียให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐาน รวมถึงนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้มากที่สุด
สิ่งที่ผู้อบรมจะได้รับ (Output)
ผู้อบรมมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีเพื่อการจัดการของเสียอุตสาหกรรม โดยผู้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมสามารถประยุกต์แนวทางการจัดการของเสียรูปแบบต่างๆ โดยใช้แนวคิดและเทคโนโลยีต่างๆ ในการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน และสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมในการจัดการของเสียอย่างยั่งยืนได้
หัวข้อ | ทฤษฎี (ชั่วโมง) | ปฏิบัติ (ชั่วโมง) | วันและสถานที่อบรม |
---|---|---|---|
1. เทคโนโลยีต่างๆในการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน | 5 | 8 | วันที่ 6 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2568 สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรม Microsoft Team และ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
2. การประยุกต์ใช้แนวคิดและเทคโนโลยีต่างๆในการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน | 5 | 8 | |
3. การสร้างสรรค์นวัตกรรมในการจัดการของเสียอย่างยั่งยืนได้ | 5 | 16 |
กิจกรรม | ทฤษฎี (ชั่วโมง) | ปฏิบัติ (ชั่วโมง) | วันที่และสถานที่อบรม |
---|---|---|---|
1. ฝึกปฏิบัติค้นคว้าในสถานประกอบการ | - | 27 | สถานประกอบการ |
2. การนำเสนอหัวข้อนวัตกรรมสร้างสรรค์ในการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน | - | 48 | สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรม Microsoft Team นำเสนอ วันที่ 6 กรกฎาคม 2568 ณมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Module 3: การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์และองค์กร
การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เป็นการคำนวณหาปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในรูปของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์หรือกิจกรรมขององค์กร มีขั้นตอนสำคัญดังนี้ กำหนดขอบเขตการประเมิน เช่น ผลิตภัณฑ์ กระบวนการ หรือองค์กรทั้งหมด รวบรวมข้อมูลการใช้พลังงาน วัตถุดิบ การขนส่ง และกิจกรรมอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากข้อมูลที่รวบรวมได้ โดยอาจใช้ค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซจากฐานข้อมูลมาตรฐาน วิเคราะห์จุดที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด เพื่อหามาตรการลดผลกระทบ จัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ พร้อมระบุข้อจำกัดและข้อสมมติฐานที่ใช้ การประเมินนี้ช่วยให้องค์กรและผู้ผลิตเข้าใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรม สามารถวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้เป็นข้อมูลในการสื่อสารและรับรองมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
การคำนวณหาปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์เพื่อติดตามตรวจสอบและรายงานผลการปล่อยหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนพยายามที่จะหาแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product: CFP) และการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO หรือ Corporate Carbon Footprint CCF) เป็นวิธีการหนึ่งที่แสดงข้อมูลการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมการดำเนินการผลิตของของผลิตภัณฑ์ สามารถจำแนกสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีนัยสำคัญ และนำไปสู่การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิกาพ ทั้งในระดับหน่วยงาน บริษัท โรงงาน ระดับอุตสาหกรรม และระดับประเทศ
สิ่งที่ผู้อบรมจะได้รับ (Output)
ผู้อบรมมีความรู้เรื่องการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ และการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร โดยผู้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์เป็นข้อมูลในการวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมาตรการประหยัดพลังงาน ใช้เป็นข้อมูลสำหรับการสื่อสารและรายงานการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ใช้ประกอบการขอการรับรองมาตรฐานสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น รอยเท้าคาร์บอน เครื่องหมายเบอร์ 5 องค์ความรู้เรื่องการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์จึงมีความสำคัญในการช่วยให้องค์กรเข้าใจผลกระทบ และสามารถวางแผนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หัวข้อ | ทฤษฎี (ชั่วโมง) | ปฏิบัติ (ชั่วโมง) | วันและสถานที่อบรม |
---|---|---|---|
1. หลักการและวิธีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์และขององค์กร | 7 | 6 | วันที่ 7 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม 2568 สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรม Microsoft Team และ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
2. การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์และองค์กร | 7 | 6 | |
3. การนำค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ไปพัฒนากระบวนการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน | 8 | 14 | |
4. การสร้างสรรค์นวัตกรรมในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนอย่างยั่งยืน | 8 | 8 |
กิจกรรม | ทฤษฎี (ชั่วโมง) | ปฏิบัติ (ชั่วโมง) | วันที่และสถานที่อบรม |
---|---|---|---|
1. ฝึกปฏิบัติค้นคว้าในสถานประกอบการ | - | 24 | สถานประกอบการ |
2. การนำเสนอหัวข้อนวัตกรรมสร้างสรรค์ในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนอย่างยั่งยืน | - | 32 | สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรม Microsoft Team นำเสนอ วันที่ 31 สิงหาคม 2568 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
นวัตกรรมจากหลักสูตร จะได้เข้าร่วมนำเสนอในงานวันสถาปนามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ระหว่างวันที่ 1- 6 กันยายน 2568 ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
คุณสมบัติผู้อบรม
- อายุระหว่าง 24 – 60 ปี
- ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ
- ผู้ที่สนใจและต้องการเพิ่มพูนความรู้ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และ
- 4. มีความตั้งใจและสามารถเข้าเรียนได้ตามระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด
หมายเหตุ : คุณสมบัติข้างต้นอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจคณะกรรมการหลักสูตร
ระยะเวลาการสมัคร
ระยะเวลาอบรม จำนวน 285 ชั่วโมง (4 เดือน) ระหว่าง ปลายเดือนพฤษภาคม – ปลายเดือนกันยายน 2568 ประกอบด้วย
- การฝึกอบรมภาคทฤษฎี จำนวน 60 ชั่วโมง และฝึกปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม 174 ชั่วโมง อบรมช่วงเวลา 18.00 – 23.00 น. (วันธรรมดา) หรือวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ทฤษฎีและฝึกปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรม Microsoft Team ทฤษฎีและฝึกปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มแบบเผชิญหน้า ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
- การฝึกปฏิบัติงานในสถานประกอบการที่เป็นเครือข่ายเข้าร่วมโครงการ จำนวน 51 ชั่วโมง
- การสร้างสรรค์นวัตกรรมในการจัดการของเสียอย่างยั่งยืนและนวัตกรรมการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิกาพ คนละ 2 ชิ้นงาน
หมายเหตุ: จำนวนชั่วโมงในการฝึกงานขึ้นอยู่กับสถานประกอบการ ในการจัดสรรเวลาในการปฏิบัติงานให้ครบ จำนวน 51 ชั่วโมง
รับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2568
ประกาศผลการคัดเลือกผู้ที่ได้รับการพิจารณาให้เข้าอบรม วันที่ 13 พฤษภาคม 2568